วิกิพีเดีย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วิกิพีเดีย | |
---|---|
เว็บไซต์ | www.wikipedia.org |
เชิงพาณิชย์? | ไม่ใช่ (รับบริจาค) |
ประเภท | โครงการสารานุกรมอินเทอร์เน็ต |
การลงทะเบียน | ไม่จำเป็น |
ภาษา | 270 ภาษาที่ยังมีการดำเนินการอยู่ (จากทั้งหมด 282 ภาษา) |
เจ้าของ | มูลนิธิวิกิมีเดีย |
ผู้ก่อตั้ง | จิมมี เวลส์, แลร์รี แซงเจอร์ |
วันที่เปิดตัว | 15 มกราคม พ.ศ. 2544 |
สถานะปัจจุบัน | เปิดให้บริการ |
วิกิพีเดียเปิดตัวในปี พ.ศ. 2544 โดย จิมมี เวลส์และแลร์รี แซงเจอร์[5] คำว่า "วิกิพีเดีย" เป็นคำที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยแลร์รี แซงเจอร์ มาจากการผสมคำว่า "วิกิ" (wiki) ซึ่งเป็นลักษณะของการสร้างเว็บไซต์ที่แบบมีส่วนร่วม เป็นคำในภาษาฮาวายที่แปลว่า "เร็ว" และคำว่า "เอนไซโคลพีเดีย" (encyclopedia) ที่แปลว่าสารานุกรม
มีการกล่าวถึงวิกิพีเดียอยู่บ่อยครั้ง ในแง่ความแตกต่างกับรูปแบบการจัดทำสารานุกรมแบบเก่าที่มีเฉพาะผู้เชี่ยวชาญ เป็นผู้จัดทำขึ้น และการรวบรวมเนื้อหาที่ไม่เป็นวิชาการไว้เป็นจำนวนมาก ครั้งเมื่อนิตยสารไทม์จัดให้ "คุณ" (You) เป็นบุคคลแห่งปี พ.ศ. 2549 อันเป็นการยอมรับความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากความร่วมมือและปฏิ สัมพันธ์ออนไลน์ของผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก ก็ได้อ้างถึงวิกิพีเดียว่าเป็นตัวอย่างหนึ่งของบริการเว็บ 2.0 เช่นเดียวกับยูทูบ มายสเปซ และเฟซบุ๊ก[6] บางคนลงความเห็นว่าวิกิพีเดียมิได้มีความสำคัญเป็นเพียงสารานุกรมอ้างอิง เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งข่าวที่อัปเดตอย่างรวดเร็วอีกด้วย เพราะมักพบเหตุการณ์ปัจจุบันถูกสร้างเป็นบทความในวิกิพีเดียอย่างรวดเร็ว[7][8] นักเรียนนักศึกษายังได้รับคำสั่งให้เขียนบทความวิกิพีเดียเพื่อฝึกอธิบายแนว คิดที่เข้าใจยากให้ผู้อ่านที่ไม่เคยศึกษามาก่อนเข้าใจได้ชัดเจนและรัดกุม[9]
แม้ว่าวิกิพีเดียจะมีนโยบายอย่างการพิสูจน์ยืนยันได้ของข้อมูลและมุมมองที่เป็นกลาง แต่ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ ทั้งในด้านความลำเอียงอย่างเป็นระบบและความไม่สอดคล้องกันของบทความ อีกทั้งการให้น้ำหนักแก่วัฒนธรรมสมัยนิยมมากเกินไปจนไม่เหมาะสม[10] และระบุว่า วิกิพีเดียมักใช้กระบวนการมติเอกฉันท์ในการปรับปรุง[11] ความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของข้อมูลก็ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง[12] นอกจากนี้ การวิจารณ์อื่นยังมุ่งประเด็นไปยังการก่อกวนและการเพิ่มข้อมูลที่หลอกลวงหรือไม่สามารถพิสูจน์ได้[13] ถึงกระนั้นก็ตาม ผลงานวิชาการเสนอว่าการก่อกวนในวิกิพีเดียเกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ เท่านั้น[14][15] และจากการวิจัยของวารสารเนเจอร์ในปี พ.ศ. 2548 พบว่า บทความวิทยาศาสตร์จากวิกิพีเดียที่นำมาเปรียบเทียบนั้นมีระดับความถูกต้อง ใกล้เคียงกับสารานุกรมบริตานิกา และทั้งสองมีอัตรา "ข้อผิดพลาดร้ายแรง" ใกล้เคียงกัน[16]
วิกิพีเดียทำงานด้วยซอฟต์แวร์ชื่อมีเดียวิกิ และจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์สามแห่งทั่วโลก โดยมีเซิร์ฟเวอร์ใหญ่อยู่ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และเซิร์ฟเวอร์ย่อยตั้งอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ และโซล เกาหลีใต้ ในขณะที่มูลนิธิสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย[17]
เนื้อหา[ซ่อน]
|
[แก้] ประวัติ
วิกิพีเดียเริ่มขึ้นจากเป็นโครงการเพิ่มเติมของนูพีเดีย โครงการสารานุกรมเสรีออนไลน์ภาษาอังกฤษ ซึ่งบทความในนูพีเดียนั้นเขียนขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญและได้รับการตรวจสอบภาย ใต้กระบวนการที่เป็นทางการ นูพีเดียก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2543 บริหารงานโดยบริษัทเว็บท่า โบมิส บุคคลสำคัญที่มีส่วนสร้างนูพีเดีย ได้แก่ จิมมี เวลส์ ผู้บริหารระดับสูงของโบมิส และแลร์รี แซงเจอร์ บรรณาธิการบริหารของนูพีเดียและวิกิพีเดียในเวลาต่อมา แต่เดิมข้อความในนูพีเดียอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตเนื้อหาเปิดของนูพีเดียเอง แล้วค่อยเปลี่ยนมาใช้สัญญาอนุญาตเอกสารเสรีของกนู ก่อนหน้าที่วิกิพีเดียจะถูกก่อตั้งขึ้น โดยการผลักดันของริชาร์ด สตอลล์แมน[18]แลร์รี แซงเจอร์และจิมมี เวลส์ร่วมกันก่อตั้งวิกิพีเดีย[19][20] เวลส์ได้ความชอบจากการกำหนดเป้าหมายในการสร้างสารานุกรมที่สามารถแก้ไขได้อย่างเปิดเผย[21][22] ส่วนแซงเจอร์มักได้รับความชอบในด้านยุทธศาสตร์การใช้วิกิเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว[23] วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2544 แลร์รี แซงเจอร์เสนอบนจดหมายกลุ่มนูพีเดียในการสร้างวิกิเป็นโครงการ "ตัวป้อน" สำหรับนูพีเดีย[24] วิกิพีเดียเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2544 เป็นรุ่นภาษาอังกฤษเพียงรุ่นเดียวภายใต้ชื่อโดเมน www.wikipedia.com[25] และมีการประกาศทางจดหมายกลุ่มนูพีเดียโดยแซงเจอร์[21] นโยบาย "มุมมองที่เป็นกลาง" ของวิกิพีเดียมีการประมวลขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนแรกหลังเปิดตัว และมีใจความคล้ายกับนโยบาย "ไม่มีอคติ" ของนูพีเดียก่อนหน้านี้ แต่นอกเหนือจากนี้ เดิมวิกิพีเดียมีกฎค่อนข้างน้อยและดำเนินการเป็นเอกเทศจากนูพีเดีย[21]
ผู้เขียนวิกิพีเดียในช่วงแรกมาจากนูพีเดีย การโพสต์สแลชดอต และดัชนีเว็บเสิร์ชเอนจิน วิกิพีเดียมีบทความประมาณ 20,000 บทความ ใน 18 ภาษา เมื่อถึงปลายปี พ.ศ. 2544 ต่อมาวิกิพีเดียเพิ่มรุ่นภาษาเป็น 26 ภาษา เมื่อถึงปลายปี พ.ศ. 2545, 46 ภาษา ในปลายปี พ.ศ. 2546 และ 161 ภาษา ก่อนสิ้นปี พ.ศ. 2547[26] นูพีเดียและวิกิพีเดียยังคงเปิดให้บริการอยู่ทั้งคู่จนกระทั่งเซิร์ฟเวอร์ ของนูพีเดียถูกปิดตัวลงอย่างถาวรใน พ.ศ. 2546 และเนื้อหาถูกรวมเข้ากับวิกิพีเดีย วิกิพีเดียภาษาอังกฤษมีบทความเกินสองล้านบทความเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2550 ทำให้วิกิพีเดียเป็นสารานุกรมขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดทำขึ้น แซงหน้าสารานุกรมหย่งเล่อ (พ.ศ. 1950) ที่ถือครองสถิติมาเป็นเวลา 600 ปีพอดี[27]
ผู้ใช้จากวิกิพีเดียภาษาสเปนบางส่วนแตกสาขาวิกิพีเดียออกไปสร้างเป็นเอนซีโกลเปเดียลีเบร ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 โดยให้เหตุผลว่า กลัวว่าจะมีการโฆษณาเชิงพาณิชย์และการขาดการควบคุมในวิกิพีเดียที่สามารถรู้ ได้ว่ามีวิกิพีเดียภาษาอังกฤษเป็นศูนย์กลาง[28] ในปีเดียวกัน เวลส์ประกาศว่าวิกิพีเดียจะไม่มีการโฆษณา และเว็บไซต์ได้เปลี่ยนชื่อโดเมนเป็น wikipedia.org[29] โครงการสารานุกรมวิกิอื่นมีการริเริ่มขึ้นจำนวนมาก ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้แนวคิดที่แตกต่างกันในรูปแบบการแก้ไขอย่างเปิดเผยและมุม มองเป็นกลางของวิกิพีเดีย วิกิอินโฟไม่มีการควบคุมเรื่องมุมมองเป็นกลางและอนุญาตให้นำเนื้อหาที่เป็น งานค้นคว้าต้นฉบับมาลงได้ โครงการใหม่ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวิกิพีเดีย อย่างเช่น ซิติเซนเดียม สคอลาร์พีเดีย คอนเซอร์เวพีเดีย และโนลของกูเกิล ที่ซึ่งบทความมีลักษณะเป็นเรียงความมากกว่าเล็กน้อย[30] ได้เริ่มต้นตั้งคำถามถึงข้อจำกัดที่สัมผัสได้ของวิกิพีเดีย อาทิ นโยบายด้านการกลั่นกรอง งานค้นคว้าต้นฉบับ และการโฆษณาเชิงพาณิชย์
แม้ว่าวิกิพีเดียภาษาอังกฤษจะมีจำนวนบทความแตะระดับสามล้านบทความเมื่อ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 แต่อัตราการเติบโตของรุ่นภาษาอังกฤษ ในแง่ของจำนวนบทความและผู้ร่วมพัฒนา ปรากฏว่าลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี พ.ศ. 2550[31] ในปี พ.ศ. 2549 วิกิพีเดียมีบทความใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1,800 บทต่อวัน แต่ในปี พ.ศ. 2553 ค่าเฉลี่ยดังกล่าวลดลงเหลือ 1,000 บทความต่อวันเท่านั้น ทีมศึกษาจากศูนย์วิจัยพาโลอัลโตให้เหตุผลว่าแนวโน้มดังกล่าวเป็นผลมาจากการ กีดกันที่เพิ่มมากขึ้นของโครงการ[32] ผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้ไม่ประจำมีอัตราการแก้ไขถูกย้อนกลับหรือถูกลบออกสูง กว่ากลุ่มผู้ใช้ประจำและมีประสบการณ์มากกว่าอย่างมาก หรือที่รู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการว่า "คาบาล" ทำให้เป็นการยากยิ่งขึ้นที่จะขยายและรักษาฐานผู้ใช้ใหม่เอาไว้ในระยะยาวได้ ทั้งยังทำให้การสร้างบทความใหม่ซบเซาลง ส่วนการศึกษาอื่น ๆ ได้เสนอแนะว่าอัตราการเติบโตนั้นเริ่มลดลงตามธรรมชาติ เนื่องจากบทความที่เข้าถึงได้ง่ายและมีความสำคัญ เช่น ประเทศจีน มีผู้สร้างขึ้นแล้วในวิกิพีเดีย[33][34]
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกจัดทำโดยเฟลีเป ออร์เตกา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเรย์ ฮวน การ์โลส ในมาดริด พบว่า วิกิพีเดียรุ่นภาษาอังกฤษสูญเสียฐานผู้พัฒนาไปกว่า 49,000 คน ในช่วงไตรมาสแรกของ พ.ศ. 2552 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. 2551 ที่สูญเสียฐานอาสาสมัครไปเพียง 4,900 คน[35][36] เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงาน ว่า "จำนวนอาสาสมัครออนไลน์ผู้เขียน แก้ไข และตรวจตรา [วิกิพีเดีย] นับล้านคน กำลังถอนตัวออกไปอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน" ขอบเขตของกฎการแก้ไขและกรณีพิพาทเกี่ยวกับเนื้อหาเหล่านี้เป็นเหตุผลที่อาสา สมัครมีแนวโน้มหดหายลงตามที่บทความดังกล่าวอ้าง[37] ด้านจิมมี เวลส์แย้งข้อมูลดังกล่าว โดยปฏิเสธการสูญเสียฐานอาสาสมัครและตั้งคำถามถึงขั้นตอนวิธีที่ใช้ในการศึกษา[38]
เดือนมกราคม พ.ศ. 2550 วิกิพีเดียเริ่มเข้าสู่รายการหนึ่งในสิบเว็บไซต์ยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา ตามการจัดอันดับของบริษัทคอมสกอร์เน็ตเวิร์ก วิกิพีเดียอยู่ในอันดับที่ 9 โดยมีผู้เข้าชมไม่ซ้ำกัน 42.9 ล้านคน แซงหน้านิวยอร์กไทมส์ (อันดับ 10) และบริษัทแอปเปิล (อันดับ 11) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งสำคัญจากเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2549 ที่อยู่อันดับที่ 33 โดยวิกิพีเดียขณะนั้นมีผู้เข้าชมไม่ซ้ำกัน 18.3 ล้านคน[39] ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 วิกิพีเดียถูกจัดให้เป็นเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับที่ห้าโดยบริษัทกูเกิล[40][41] จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 วิกิพีเดียเป็นเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับหกทั่วโลก ตามข้อมูลของอเล็กซาอินเทอร์เน็ต[42] โดยได้รับการเข้าชมหน้ามากกว่า 2,700 ล้านครั้งต่อเดือนในสหรัฐอเมริกา[4] จากการเยี่ยมชมหน้าทั่วโลกกว่า 12,000 ล้านครั้งต่อเดือน[43]
[แก้] ลักษณะสารานุกรม
[แก้] การแก้ไข
วิกิพีเดียดำเนินการด้วยรูปแบบการแก้ไข "วิกิ" ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งแตกต่างไปจากรูปแบบสารานุกรมในอดีต ทุกบทความสามารถแก้ไขได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีผู้ใช้ก่อน ยกเว้นบางหน้าที่มีการก่อกวนอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกคนก็ยังสามารถสร้างบทความใหม่ได้ ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของบทความในวิกิพีเดีย หรือมีบทความอยู่ภายใต้การกลั่นกรองของผู้มีอำนาจใด ๆ แต่บทความจะตกลงกันโดยมติเอกฉันท์เมื่อบทความมีการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขนั้นจะแสดงผลทันทีโดยปราศจากการตรวจทาน ไม่ว่าการแก้ไขนั้นจะมีข้อบกพร่อง เป็นข้อมูลที่ผิด หรือการแก้ไขไร้สาระ ขณะที่วิกิพีเดียบางภาษานอกเหนือไปจากวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ ซึ่งการควบคุมบริหารไม่ขึ้นต่อกัน สามารถปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวได้อย่างเสรี ยกตัวอย่างเช่น วิกิพีเดียรุ่นภาษาเยอรมันบำรุง รักษาระบบ "รุ่นเสถียร" ของบทความ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นรุ่นบทความที่ผ่านการตรวจทานแล้วเท่านั้น ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2553 มีการประกาศว่าวิกิพีเดียภาษาอังกฤษจะยกเลิกการจำกัดการแก้ไขอย่างเข้มงวด จากบทความที่ "เป็นที่ถกเถียงกัน" หรือมีแนวโน้มว่าจะถูกก่อกวน โดยใช้การตรวจสอบแทนการจำกัดการแก้ไขสำหรับผู้ใช้ใหม่หรือไม่ได้ลงทะเบียน โดยจะมี "ระบบใหม่ ที่เรียกว่า 'การแก้ไขที่กำลังพิจารณา'" ซึ่งจิมมี เวลส์ให้สัมภาษณ์แก่บีบีซีว่า จะเป็นการทำให้วิกิพีเดียภาษาอังกฤษ "เปิดบทความให้ทุกคนแก้ไขได้หลังถูกห้ามมาหลายปี" ระบบ "การแก้ไขที่กำลังพิจารณา" เปิดตัวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน การแก้ไขต่อบทความบางส่วนจะ "ต้องได้รับการทบทวนจากผู้พัฒนาวิกิพีเดียที่ได้รับการแต่งตั้งก่อนจึงจะ แสดงผล" เวลส์ไม่เห็นด้วยกับระบบของวิกิพีเดียภาษาเยอรมันที่ต้องให้ตรวจสอบการแก้ไข ในทุกบทความ โดยอธิบายว่ามัน "ทั้งไม่จำเป็นและไม่เป็นที่ต้องการ" เขาเสริมอีกว่า ผู้ดูแลระบบของวิกิพีเดียภาษาเยอรมัน "กำลังจะเฝ้ามองระบบของรุ่นภาษาอังกฤษอย่างใกล้ชิด และผมมั่นใจว่าอย่างน้อยพวกเขาจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงหากผลลัพธ์ออกมาดี"[45]
ผู้ร่วมพัฒนา ไม่ว่าจะลงทะเบียนหรือไม่ ต่างก็สามารถใช้ประโยชน์ได้จากคุณลักษณะซึ่งเปิดโอกาสให้ใช้โดยซอฟต์แวร์ที่ วิกิพีเดียทำงานอยู่ หน้า "ประวัติ" ที่ปรากฏในบทความทุกบทจะบันทึกรุ่นในอดีตทั้งหมดของแต่ละบทความ ถึงแม้ว่าประวัติส่วนที่มีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท ข่มขู่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือข้อมูลที่ละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกนำออกหลังจากนั้น[46] คุณลักษณะดังกล่าวทำให้เป็นการง่ายที่จะเปรียบเทียบทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ย้อนการแก้ไขที่ถูกพิจารณาว่าไม่พึงประสงค์ หรือเรียกคืนเนื้อหาที่หายไป หน้า "อภิปราย" ของแต่ละบทความใช้เพื่อเป็นประสานงานระหว่างผู้ร่วมแก้ไขหลายคน[47] ผู้แก้ไขเป็นประจำมักจะ "เฝ้าดู" บทความที่พวกเขาสนใจ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถติดตามการแก้ไขล่าสุดของบทความนั้น ๆ ได้โดยง่าย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ตบอต ได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อย้อนการก่อกวนทันทีที่เกิดขึ้น[15] หรืออาจใช้เพื่อคำสะกดผิดที่พบบ่อย และปัญหาด้านการจัดรูปแบบ หรือเพื่อสร้างบทความใหม่ อย่างเช่น สร้างเอ็นทรีภูมิศาสตร์ในรูปแบบมาตรฐานจากข้อมูลสถิติ
บทความในวิกิพีเดียจัดอยู่ในสามแนวทาง ตามสถานะการพัฒนา สาระสำคัญของหัวเรื่อง และระดับการเข้าถึงที่จำเป็นต่อการแก้ไข สถานะบทความที่มีการพัฒนาสูงสุด จะเรียกว่า "บทความคัดสรร" ซึ่งก็คือ บทความที่ได้รับการเห็นชอบจากผู้แก้ไขวิกิพีเดียว่าจะแสดงในหน้าหลักของวิกิ พีเดีย[48][49] นักวิจัย จาโคโม โปเดอรี พบว่าบทความมีแนวโน้มว่าจะได้รับสถานะบทความคัดสรรถ้าเป็นงานเขียนอย่างละเอียดถี่ถ้วนของผู้แก้ไขจำนวนน้อย[50] ใน พ.ศ. 2550 ในการเตรียมการจัดทำวิกิพีเดียรุ่นตีพิมพ์ วิกิพีเดียภาษาอังกฤษได้ริเริ่มเกณฑ์การประเมินเพื่อตัดสินคุณภาพของบทความ
โครงการวิกิเป็นแหล่งสำหรับกลุ่มผู้แก้ไขที่จะร่วมมือประสานงานกันในหัว เรื่องใดหัวเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ หน้าอภิปรายของโครงการวิกิมักจะใช้เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน บทความต่าง ๆ วิกิพีเดียยังได้คงรูปแบบของการเขียนที่เรียกว่า คู่มือในการเขียน ซึ่งกำหนดเงื่อนไข อย่างเช่น ในประโยคแรกของแต่ละบทความ หัวเรื่องของบทความหรือชื่ออื่นที่เรียกหัวเรื่องนั้นควรจะทำเป็นตัวหนา
[แก้] ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
เนื้อหาในวิกิพีเดียอยู่ภายใต้กฎหมาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายลิขสิทธิ์) ของสหรัฐอเมริกาและของรัฐฟลอริดา อันเป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์วิกิพีเดียส่วนใหญ่ นอกจากนี้ หลักการแก้ไขวิกิพีเดียถูกรวบรวมไว้ใน "ห้าเสาหลัก" และนโยบายและแนวปฏิบัติจำนวน หนึ่งที่เจตนาเพื่อปรับรูปแบบของเนื้อหาให้เหมาะสม ระเบียบเหล่านี้จะถูกเก็บในรูปแบบวิกิ และชุมชนผู้ใช้วิกิพีเดียสามารถเขียนและทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติเหล่านี้[51] การบังคับใช้กฎโดยการลบหรือแก้ไขเนื้อหาบทความที่ไม่เป็นไปตามนั้น กฎระเบียบของวิกิพีเดียภาษาอื่นเริ่มต้นจากการแปลกฎระเบียบของวิกิพีเดีย ภาษาอังกฤษแล้วอาจมีส่วนต่อขยายแตกต่างกันไป กฎระเบียบเหล่านี้โดยทั่วไปมีความคล้ายกัน แต่แตกต่างกันในรายละเอียดตามระเบียบของวิกิพีเดียภาษาอังกฤษและภาษาไทย เนื้อหาที่ควรแก่การเก็บไว้บนวิกิพีเดียจะต้องเป็นเรื่องที่เป็นสารานุกรม และไม่ใช่บทความประเภทที่คล้ายกับพจนานุกรม หัวเรื่องควรจะเป็นไปตามมาตรฐานของวิกิพีเดียด้าน "ความโดดเด่น" ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วหมายความว่า หัวเรื่องนั้นจะต้องได้รับการกล่าวถึงอย่างสำคัญในแหล่งอ้างอิงทุติยภูมิที่ น่าเชื่อถือ เช่น สื่อกระแสหลัก หรือวารสารวิชาการที่สำคัญ รวมถึงจะต้องไม่มีส่วนได้เสียกับหัวเรื่องด้วย นอกเหนือจากนั้น วิกิพีเดียจะต้องเผยแพร่เฉพาะความรู้ที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น หรือกล่าวได้ว่าจะไม่มีการนำเสนอข้อมูลใหม่หรืองานค้นคว้าต้นฉบับ การอ้างข้อมูลซึ่งอาจถูกคัดค้านได้จำเป็นต้องมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เป็นแหล่งอ้างอิงยืนยัน มีการกล่าวอยู่บ่อยครั้งในหมู่ผู้แก้ไขวิกิพีเดียว่า "พิสูจน์ยืนยันได้ ไม่ใช่ความจริง" เพื่อแสดงแนวคิดที่ว่าผู้อ่านเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดในการตรวจสอบข้อเท็จ จริงของบทความและตีความด้วยตนเอง ไม่ใช่ตัวสารานุกรมที่เป็นผู้รับผิดชอบ ท้ายที่สุดคือ วิกิพีเดียจะต้องไม่เลือกข้าง ความคิดเห็นและมุมมองทั้งหมดซึ่งยกมาจากแหล่งข้อมูลอื่นนั้น จำต้องมีอยู่ในบทความโดยเสมอกัน[52] ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนโยบายมุมมองที่เป็นกลาง
วิกิพีเดียมีหลายวิธีในการจัดการกับข้อพิพาท วัฏจักร "กล้า ย้อน อภิปราย" เกิดขึ้นเป็นบางครั้ง โดยเป็นกรณีที่ผู้ใช้คนหนึ่งได้ทำการแก้ไข ขณะที่ผู้ใช้อีกคนหนึ่งย้อนการแก้ไขนั้น และประเด็นดังกล่าวได้รับการอภิปรายในหน้าอภิปรายอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะให้ได้รับมติประชาคมที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ประเด็นปัญหาหนึ่ง ๆ สามารถถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันที่ศาลาชุมชน หรือขอความเห็นเพื่อรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นของผู้ใช้คนอื่น นอกจากนี้ ยังมีหน้าสำหรับให้ผู้ใช้รายงานความไม่สุภาพ ไม่เป็นอารยะ หรืออุปสรรคในการสื่อสารกับผู้ใช้คนอื่นด้วย
ผลวิเคราะห์ทางสถิติบ่งชี้ว่าการแก้ไขข้อพิพาทของวิกิพีเดียนั้นมักจะ ละเลยเนื้อหาความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้และมุ่งไปยังความประพฤติของผู้ใช้ มากกว่า จึงไม่ค่อยแก้ไขข้อพิพาทหรือสร้างสันติระหว่างผู้ใช้ที่ขัดแย้งกันได้มากนัก แต่เป็นไปเพื่อยุติปัญหาโดยเร็วโดยกีดกันผู้ใช้สร้างปัญหาออก และดึงเอาผู้ใช้ที่มีศักยภาพในการสร้างสรรค์กลับเข้ามามีส่วนร่วม แนวทางแก้ไขเช่นนี้รวมไปถึงการแบนผู้ใช้จากวิกิพีเดีย (ประมาณ 15.7% ของกรณีทั้งหมด) ปรามหัวข้อที่ขัดแย้ง (23.4%) แบนบทความ (43.3%) และการเตือนกับคอยตรวจสอบความประพฤติ (63.2%) การแบนจากวิกิพีเดียตลอดกาลจำกัดอยู่เฉพาะกรณีที่มีการปลอมเป็นผู้อื่นและมี พฤติกรรมต่อต้านสังคม ขณะที่การเตือนมักใช้สำหรับเตือนเรื่องพฤติกรรมการแก้ไขและพฤติกรรมที่ค้าน ต่อมติส่วนใหญ่ มากกว่าจะใช้กับพฤติกรรมที่ต่อต้านสังคม[53]
[แก้] สัญญาอนุญาตเนื้อหา
ข้อความทั้งหมดในวิกิพีเดียอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตเอกสารเสรีของกนู (GDFL) สัญญาอนุญาตกอปปีเลฟต์ซึ่ง อนุญาตให้มีการแจกจ่าย ดัดแปลงงานเขียน และนำเนื้อหาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ขณะที่ผู้สร้างสรรค์ผลงานยังคงถือครองลิขสิทธิ์ผลงานของตนอยู่ จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 เมื่อวิกิพีเดียเปลี่ยนไปใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน (CC-by-SA) 3.0[54] วิกิพีเดียได้ดำเนินการเปลี่ยนไปใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แทน GFDL นั้น เพราะเดิม GFDL ถูกออกแบบมาสำหรับคู่มือซอฟต์แวร์ และถูกพิจารณาว่าไม่เหมาะสมสำหรับงานอ้างอิงออนไลน์ และสัญญาอนุญาตทั้งสองนี้ไม่สามารถใช้แทนกันได้[55]ตามคำร้องขอของมูลนิธิวิกิมีเดีย ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551 มูลนิธิซอฟต์แวร์เสรี (FSF) ได้ออกรุ่นใหม่ของ GFDL ซึ่งออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้วิกิพีเดียเปลี่ยนสัญญาอนุญาตเนื้อหาของตนเป็น CC-BY-SA ภายในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552 โดยเฉพาะ วิกิพีเดียและโครงการพี่น้องได้จัดการลงมติทุกโครงการเพื่อตัดสินใจว่าจะทำ การเปลี่ยนแปลงสัญญาอนุญาตหรือไม่ การลงมติมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 9-30 เมษายน[56] ซึ่งผลออกมาว่าร้อยละ 75.8 เห็นด้วย ร้อยละ 10.5 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 13.7 ไม่มีความคิดเห็น[57] และหลังจากการลงมติดังกล่าว คณะกรรมการจัดการมูลนิธิได้ลงคะแนนเสียงเปลี่ยนไปใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอม มอนส์ ซึ่งมีผลนับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552[57]
การจัดการไฟล์สื่อ (เช่น ไฟล์ภาพ) แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นภาษา ทั้งนี้ เนื่องจากความแตกต่างของกฎหมายลิขสิทธิ์ในแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างเช่น การอ้างนำไปใช้งานโดยชอบธรรมไม่มีอยู่ในกฎหมายลิขสิทธิ์ญี่ปุ่น ไฟล์สื่อซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตเนื้อหาเสรีจะถูกแบ่งกันใช้ทั่วรุ่นภาษาโดยคลังสื่อวิกิมีเดียคอมมอนส์ โครงการซึ่งบริหารจัดการโดยมูลนิธิวิกิมีเดียเช่นเดียวกัน
[แก้] การนำเนื้อหาไปใช้ใหม่
เนื่องจากเนื้อหาวิกิพีเดียเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตเสรี ทุกคนจึงสามารถแจกจ่ายเนื้อหานี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เนื้อหาของวิกิพีเดียถูกนำไปตีพิมพ์ในหลายรูปแบบ ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ นอกเหนือไปจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย- เว็บไซต์: มีมิเรอร์ไซต์หลาย พันแห่งที่นำเนื้อหาจากวิกิพีเดียไปลง โดยมีเว็บสองเว็บที่สำคัญ ซึ่งรวบรวมเนื้อหาจากแหล่งข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ ด้วย คือ Reference.com และ Answers.com อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ วาพีเดีย ซึ่งเริ่มแสดงเนื้อหาวิกิพีเดียในรูปแบบที่สามารถใช้งานกับโทรศัพท์เคลื่อน ที่ก่อนที่วิกิพีเดียจะเริ่มดำเนินการเอง
- เสิร์ชเอนจิน: เว็บเสิร์ชเอนจินบางแห่งยังแสดงผลเนื้อหาจากวิกิพีเดียบนผลการค้นหาด้วย ตัวอย่างเช่น Bing.com และดั๊กดั๊กโก
- วิกิอื่น: วิกิบางเว็บ ซึ่งที่สำคัญได้แก่เอนซีโกรเปเดียลีเบรและซิติเซนเดียม เริ่มต้นเป็นการแตกสาขาของเนื้อหาวิกิพีเดีย ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ดีบีพีเดีย ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2550 เป็นโครงการซึ่งคัดลอกข้อมูลมาจากกล่องข้อมูลและการประกาศหมวดหมู่ของวิกิพี เดียภาษาอังกฤษ และทำให้ข้อมูลนั้นสามารถเข้าถึงได้ในรูปแบบอาร์ดีเอฟ ซีแมนติกเว็บที่ สามารถสืบค้นได้ ความเป็นไปได้ดังกล่าวถูกเสนอให้วิกิพีเดียส่งออกข้อมูลโดยตรงในรูปแบบซีแมน ติก ซึ่งทำได้โดยการใช้ส่วนขยายซีแมนติกมีเดียวิกิ การส่งออกข้อมูลดังกล่าวยังสามารถช่วยให้วิกิพีเดียนำข้อมูลของเว็บเองไปใช้ ใหม่ได้ ทั้งระหว่างบทความในวิกิพีเดียภาษาเดียวกันและวิกิพีเดียคนละภาษา[58]
- แผ่นบันทึกข้อมูลและดีวีดี: การรวบรวมบทความวิกิพีเดียยังพบได้ในรูปแบบแผ่นบันทึกข้อมูลด้วย รุ่นภาษาอังกฤษ ชุดข้อมูลซีดีวิกิพีเดีย 2006 ซึ่งประกอบด้วยบทความประมาณ 2,000 บทความ[59][60] รุ่นภาษาโปแลนด์บรรจุบทความถึงเกือบ 240,000 บทความ[61] นอกจากนี้ยังมีชุดภาษาเยอรมันอีกด้วย[62] ล่าสุด มีโครงการพัฒนาวิกิพีเดียเพื่อนำไปใช้ในเครื่องไอพ็อด[63] นอกจากนี้ "วิกิพีเดียสำหรับโรงเรียน" ซึ่งเป็นซีรีส์ซีดีและดีวีดีวิกิพีเดีย ผลิตโดยชาววิกิพีเดียและองค์กรการกุศลเอสโอเอสชิลเดรน ซึ่งเป็นงานไม่คิดค่าใช้จ่าย ตรวจสอบด้วยมือ และคัดสรรโดยไม่เกี่ยวกับการค้าจากวิกิพีเดีย มีเป้าหมายไปยังหลักสูตรแห่งชาติของสหราชอาณาจักรและมีเจตนาที่จะให้เป็น ประโยชน์สำหรับผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลก โครงการดังกล่าวสามารถเข้าถึงได้ออนไลน์ สารานุกรมที่มีเนื้อหาเทียบเท่ากันจะมีความหนาประมาณ 20 เล่ม
- หนังสือ: ยังมีความพยายามที่จะนำบทความวิกิพีเดียที่ถูกเลือกตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือ[64][65] นับตั้งแต่ พ.ศ. 2552 ได้มีคำสั่งพิมพ์หนังสือหลายหมื่นเล่ม ซึ่งลอกเนื้อหามาจากวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ เยอรมัน รัสเซีย และฝรั่งเศส ซึ่งตีพิมพ์โดยบริษัทอเมริกัน บุ๊กแอลแอลซี และบริษัทสาขาสามแห่งในประเทศมอริเชียส ของสำนักพิมพ์เยอรมัน เฟาเดเอ็ม[66]
[แก้] การป้องกันการแก้ไขที่ไม่พึงประสงค์
รูปแบบการแก้ไขซึ่งมีธรรมชาติเปิดกว้างตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์หลัก ของวิกิพีเดีย ตัวอย่างเช่น ผู้อ่านไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าบทความนั้นไม่มีการสอดแทรกเนื้อหาข้อมูลผิด ๆ หรือนำข้อมูลที่สำคัญออก อดีตบรรณาธิการบริหารของสารานุกรมบริตานิกา รอเบิร์ต แมคเฮนรี เคยอธิบายถึงปัญหาดังกล่าวว่า[67] ผู้ใช้ซึ่งเข้าชมวิกิพีเดียเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงบางประเด็น ก็เปรียบเหมือนกับผู้ที่มาใช้ห้องน้ำสาธารณะ มันอาจจะสกปรกอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจึงรู้จักวิธีการดูแลตัวเองอย่างระมัดระวัง หรือมันอาจดูค่อนข้างสะอาด ที่อาจหลอกให้เข้าใจอย่างผิด ๆ ว่ามันปลอดภัย สิ่งที่เขาผู้นี้ไม่รู้เลยคือมีใครบ้างที่มาใช้ห้องน้ำแห่งนี้ก่อนหน้าเขา บ้าง[68] |
โครงสร้างที่เปิดเผยของวิกิพีเดียทำให้ตกเป็นเป้าการก่อกวนของเกรียน (troll) ได้ง่าย รวมทั้งการสแปม และผู้ต้องการเรียกร้องความสนใจ[46][72] การเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองในบทความโดยองค์กร ซึ่งรวมไปถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาและกลุ่มความสนใจพิเศษอื่น ๆ[13] ก็ได้ถูกพบด้วย[73] แม้แต่องค์กรอย่างเช่น ไมโครซอฟท์ ยังเสนอเงินจูงใจเพื่อให้มีการปรับปรุงบางบทความอีกด้วย[74] ประเด็นดังกล่าวถูกนำไปเขียนล้อเลียนเป็นอย่างมาก[75]
กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นคือ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2550 เมื่อเว็บไซต์วิกิสแกนเนอร์ได้เริ่มแกะรอยแหล่งที่มาของการแก้ไขวิกิพีเดีย โดยผู้ใช้ปกปิดตนเองซึ่งไม่มีบัญชีผู้ใช้วิกิพีเดีย โปรแกรมได้เปิดเผยว่าการแก้ไขเหล่านี้จำนวนมากเป็นของบริษัทหรือหน่วยงานของ รัฐซึ่งปรับเปลี่ยนเนื้อหาในบทความที่เกี่ยวข้องกับตัวองค์กร บุคลากรหรือผลงานขององค์กรนั้น[76]
ในทางปฏิบัติแล้ว วิกิพีเดียมีการป้องกันจากการโจมตีโดยระบบและเทคนิคอันหลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงผู้ใช้ที่คอยตรวจสอบหน้าและการแก้ไข (อาทิ รายการเฝ้าดู และหน้าปรับปรุงล่าสุด) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือบอต ซึ่งได้รับการออกแบบมาอย่างระมัดระวังเพื่อพยายามตรวจจับการโจมตีและแก้ไข การก่อกวนเหล่านี้โดยอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ มีตัวกรองที่ คอยเตือนผู้ใช้ถึงการแก้ไขที่ไม่พึงประสงค์ การบล็อกการเพิ่มลิงก์ไปยังเว็บไซต์บางเว็บ การบล็อกแก้ไขจากบัญชีผู้ใช้บางบัญชี หมายเลขไอพีหรือช่วงไอพีหนึ่ง ๆ
สำหรับหน้าที่ถูกโจมตีอย่างหนัก บทความบางบทอาจถูกกึ่งล็อกเพื่อ ให้เฉพาะบัญชีผู้ใช้ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีสามารถแก้ไขได้ หรือสำหรับบางกรณีที่มีข้อพิพาทกันหนักขั้น อาจมีการล็อกถึงขั้นที่ว่ามีเฉพาะผู้ดูแลระบบเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขบท ความได้ การล็อกเป็นมาตรการที่ใช้ไม่บ่อยครั้งนัก และโดยทั่วไปแล้วจะกินเวลาไม่นาน เฉพาะเมื่อการกระทำนั้นมีแนวโน้มว่าจะยังดำเนินต่อไปเท่านั้น
[แก้] ความครอบคลุมของเนื้อหา
วิกิพีเดียตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะสร้างบทสรุปความรู้ทั้งหมดของมนุษย์ในรูป แบบสารานุกรมออนไลน์ โดยมีหัวข้อความรู้แต่ละหัวข้อครอบคลุมหนึ่งบทความอย่างเป็นสารานุกรม เนื่องจากวิกิพีเดียมีเนื้อที่ไม่จำกัดอย่างแท้จริง จึงสามารถบรรจุเนื้อหาได้มากกว่าสารานุกรมตีพิมพ์แบบเก่าทุกเล่มที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังบรรจุสื่อหรือเนื้อหาที่บางคนอาจมองว่าน่ารังเกียจ ก้าวร้าว หรือลามกอนาจาร วิกิพีเดียแสดงจุดยืนชัดเจนว่านโยบายดังกล่าวมิได้มีไว้เป็นข้อโต้เถียงกัน และนโยบายดังกล่าวบางครั้งก็พิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดการโต้แย้งกันขึ้นบ่อย ครั้ง อย่างเช่น ในปี พ.ศ. 2551 วิกิพีเดียปฏิเสธรับการร้องเรียนออนไลน์ต่อต้านการสอดแทรกเนื้อหาที่กล่าว ถึงภาพวาดนบีมุฮัมมัดใน รุ่นภาษาอังกฤษ โดยอ้างนโยบายดังกล่าว การมีอยู่ของสื่อที่อ่อนไหวทางการเมืองในวิกิพีเดียนำไปสู่การบล็อกการเข้า ถึงวิกิพีเดียของสาธารณรัฐประชาชนจีน[78] และอาจรวมไปถึงมูลนิธิเฝ้าระวังภัยอินเทอร์เน็ตจนถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 วิกิพีเดียมีบทความเนื้อหาครอบคลุมถึงสถานที่เกือบครึ่งล้านแห่งบนโลก อย่างไรก็ตาม งานวิจัยซึ่งดำเนินการโดยสถาบันอินเทอร์เน็ตออกซ์ฟอร์ดได้แสดงให้เห็นว่า บทความภูมิศาสตร์นี้กระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ไม่เสมอกันอย่างมาก บทความส่วนใหญ่เขียนเกี่ยวกับอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียตะวันออก และมีส่วนน้อยมากที่กล่าวถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศกำลังพัฒนา รวมไปถึงส่วนใหญ่ของแอฟริกา[79]
การศึกษาวิจัยเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนและ ศูนย์วิจัยพาโลอัลโต ได้จำแนกจำนวนบทความแบ่งตามประเภท ตลอดจนอัตราการเพิ่มจำนวน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 ถึงมกราคม พ.ศ. 2551 ไว้ดังนี้[77]
- ศิลปวัฒนธรรม: 30% (210%)
- ชีวประวัติและบุคคล: 15% (97%)
- ภูมิศาสตร์และสถานที่: 14%(52%)
- สังคมและสังคมศาสตร์: 12% (83%)
- ประวัติศาสตร์และเหตุการณ์: 11% (143%)
- ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์กายภาพ: 9% (213%)
- เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์: 4% (−6%)
- ศาสนาและระบบความเชื่อ: 2% (38%)
- สุขภาพ: 2% (42%)
- คณิตศาสตร์และตรรกะ: 1% (146%)
- ความคิดและปรัชญา: 1% (160%)
การครอบคลุมที่แน่นอนของวิกิพีเดียยังคงอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างต่อ เนื่องของผู้ร่วมพัฒนา และความไม่เห็นด้วยว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งควรจะมีในวิกิพีเดียหรือไม่ไม่ใช่ เรื่องแปลกแต่อย่างใด[80][81]
[แก้] คุณภาพงานเขียน
เนื่องจากโดยปกติแล้วผู้ร่วมพัฒนาจะเรียบเรียงเนื้อหาเป็นส่วนน้อย ๆ มากกว่าแก้ไขปรับปรุงบทความทั้งบท จึงเป็นไปได้ที่ในบทความเดียวกันหนึ่ง ๆ จะมีเนื้อหาคุณภาพสูงและต่ำผสมปนเปกันอยู่ บางครั้งนักวิจารณ์ว่าการแก้ไขโดยผู้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนั้นทำให้คุณภาพ ของงานต่ำ ตัวอย่างเช่น รอย โรเซนซไวก์ เคยวิจารณ์การเรียบเรียงภาษาและการที่ไม่สามารถแยกแยะสิ่งสำคัญแท้จริงกับ สิ่งที่เพียงแต่น่าดึงดูดใจเท่านั้น เขากล่าวว่าวิกิพีเดีย "แม่นยำอย่างน่าประหลาดใจในการรายงานชื่อ วันที่ และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สหรัฐ" (ซึ่งเป็นขอบเขตการศึกษาของโรเซนซไวก์) และข้อเท็จจริงที่ผิดพลาดเล็กน้อยนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเนื้อหา "มีน้อยและไม่ต่อเนื่องกัน" และเนื้อหาบางส่วน "แค่ย้ำความเชื่อผิด ๆ ที่ยึดถือกันอย่างกว้างขวางเท่านั้น" ซึ่งยังได้ปรากฏซ้ำใน เอ็นคาร์ตา และ บริตานิกา เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขามีข้อวิจารณ์หนึ่งข้อใหญ่ การเขียนประวัติศาสตร์ที่ดีนั้นไม่เพียงแต่ต้องใช้เฉพาะข้อเท็จจริงที่ แม่นยำเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการควบคุมผลงานตีพิมพ์อย่างเป็นวิชาการด้วย การวิเคราะห์และการตีความแบบชักจูง ตลอดจนการเขียนที่ชัดเจนและดึงดูดใจ และด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ ชีวประวัติแห่งชาติอเมริกันออนไลน์ (American National Biography Online) จึงทิ้งห่างวิกิพีเดียไปได้อย่างง่ายดาย[82] |
โรเซนซไวก์ยังได้วิจารณ์ "การเขียนคลุมเครือ ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากนโยบาย NPOV [มุมมองที่เป็นกลาง] หมายความว่าเป็นการยากที่จะแยกแยะทัศนะการให้ความหมายโดยรวมในประวัติวิกิพี เดีย ยกตัวอย่างเช่น เขาอ้างบทสรุปของบทความวิกิพีเดียเกี่ยวกับวิลเลียม คลาร์ก ควินทริลล์ ซึ่งเนื้อหาของบทความโดยทั่วไปนั้นกล่าวยกย่องบุคคลผู้นี้ เขาได้ชี้ให้เห็นบทสรุปที่คลุมเครือ ที่ว่า "นักประวัติศาสตร์บางคน ... จดจำเขาในฐานะนักฉวยโอกาส คนนอกกฎหมายกระหายเลือด ขณะที่คนอื่นยังคงมองเขาว่าเป็นทหารผู้กล้าหาญและวีรบุรุษของคนท้องถิ่น"[82]
เสียงวิจารณ์อื่น ๆ ได้โจมตีประเด็นปัญหาที่คล้ายกันที่ว่า แม้บทความวิกิพีเดียจำนวนมากจะมีข้อเท็จจริงถูกต้องแม่นยำ แต่ก็มักเขียนในรูปแบบที่เลวจนเกือบอ่านไม่ได้ นักวิจารณ์วิกิพีเดียขาประจำ แอนดริว ออร์ลอว์สกี ให้ความเห็นว่า "ต่อให้บทความวิกิพีเดียจะมีข้อเท็จจริงถูกต้อง 100 เปอร์เซนต์ และข้อเท็จจริงเหล่านั้นถูกเลือกมาอย่างระมัดระวังแล้วก็ตาม แต่บ่อยครั้งที่อ่านแล้วราวกับว่าเนื้อหานั้นถูกแปลมาจากภาษาอื่นแล้วแปลต่อ เป็นภาษาที่สาม โดยเปลี่ยนตัวผู้แปลที่ไม่รู้หนังสือในแต่ละขั้น"[83] การศึกษาบทความมะเร็งโดยยาคอฟ ลอว์เรนซ์ แห่งศูนย์มะเร็งคิมเมล มหาวิทยาลัยโทมัส เจฟเฟอร์สัน พบว่าเนื้อหานั้นส่วนใหญ่มีข้อเท็จจริงถูกต้อง แต่เนื้อหานั้นเขียนด้วยภาษาระดับมหาวิทยาลัย ขณะที่กระทู้ข้อมูลแพทย์ใช้ภาษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 เขากล่าวว่า "การที่วิกิพีเดียขาดความเรียบง่ายในการใช้ภาษานี้อาจสะท้อนถึงผู้เขียนที่ หลากหลายและการแก้ไขส่งเดช"[84] ดิอีโคโนมิสต์ ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้อ่านอาจสังเกตคุณภาพการเขียนบทความวิกิพีเดียเพื่อเป็นแนวทางได้ เพราะ "ภาษาเขียนที่ไม่ประณีตและตึงตังมักจะสะท้อนแนวคิดที่ยุ่งเหยิงและข้อมูลที่ ไม่สมบูรณ์"[85] การศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยวารสารเนเจอร์ ได้เปรียบเทียบเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ของวิกิพีเดียกับเนื้อหาแบบเดียวกัน ของสารานุกรมบริตานิกา โดยสรุปว่า ความถูกต้องของข้อมูลในวิกิพีเดียนั้นใกล้เคียงกับของบริตานิกา แต่โครงสร้างบทความวิกิพีเดียนั้นมักจะไม่ดี[16]
[แก้] ความน่าเชื่อถือ
ผลที่ตามมาจากโครงสร้างที่เปิดกว้างให้แก้ไขได้ของวิกิพีเดียนั้น ทำให้วิกิพีเดีย "ไม่มีการรับประกันถึงความถูกต้อง" ของเนื้อหา เพราะในท้ายที่สุดแล้วไม่มีผู้ใดรับผิดชอบต่อข้อความใด ๆ ที่ปรากฏอยู่บนเว็บ ได้มีความกังวลซึ่งมุ่งประเด็นไปยังการขาดความตรวจสอบได้อันเป็นผลมาจากการ ปิดบังชื่อของผู้ใช้[86] การสอดแทรกข้อมูลปลอม[87] การก่อกวน และปัญหาที่คล้ายกันวิกิพีเดียถูกกล่าวหาว่านำเสนอเนื้อหาที่ลำเอียงอย่างเป็นระบบและมีความไม่สอดคล้องกัน[12] นักวิจารณ์ให้เหตุผลว่า ธรรมชาติที่เปิดของวิกิพีเดียและการไม่มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงอย่างเหมาะสมใน เนื้อหาจำนวนมาก ทำให้มันไม่น่าเชื่อถือ[88] นักวิจารณ์อีกกลุ่มแนะว่า โดยปกติแล้ววิกิพีเดียนั้นเชื่อถือได้ แต่ก็ไม่แน่หากคิดเฉพาะความน่าเชื่อถือของบทความใดบทความหนึ่งเป็นการเฉพาะ[11] บรรณาธิการของงานอ้างอิงแบบเก่า อย่างเช่น สารานุกรมบริตานิกาได้ตั้งคำถามถึงประโยชน์ใช้สอยของโครงการและสถานะความเป็นสารานุกรม[89] อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากไม่สนับสนุนให้นักเรียนอ้างอิงสารานุกรมใด ๆ ในงานวิชาการ และให้ใช้งานจากแหล่งปฐมภูมิมากกว่า[90] บางรายระบุเป็นการเฉพาะว่าห้ามอ้างอิงวิกิพีเดีย[91] ผู้ร่วมก่อตั้งวิกิพีเดีย จิมมี เวลส์ เน้นว่าสารานุกรมชนิดใด ๆ นั้นโดยปกติแล้วไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ และไม่ควรวางใจว่าเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้[92]
อย่างไรก็ตาม การสำรวจซึ่งรายงานในวารสารเนเจอร์ในปี พ.ศ. 2548 เสนอว่าบทความวิทยาศาสตร์วิกิพีเดียมีระดับความถูกต้องแม่นยำใกล้เคียงกับ ของสารานุกรมบริตานิกา และมีระดับ "ข้อผิดพลาดร้ายแรง" ที่ใกล้เคียงกัน[16] การอ้างดังกล่าวได้ถูกคัดค้านโดยสารานุกรมบริตานิกา[93][94]
นักเศรษฐศาสตร์ ไทเลอร์ โคเวน เขียนว่า "ถ้าผมต้องเดาว่าระหว่างวิกิพีเดียหรือบทความเศรษฐศาสตร์ระดับกลางในฐาน ข้อมูลระดับชาติว่าอย่างไหนมีความถูกต้องมากกว่ากัน ผมคิดไม่นานก็ตัดสินใจได้ว่าผมจะเลือกวิกิพีเดีย" เขาให้ความเห็นว่างานอ้างอิงแบบเก่าที่ไม่ใช่บันเทิงคดีนั้นประสบปัญหา ลำเอียงอย่างเป็นระบบด้วยกันทั้งสิ้น ข้อมูลใหม่ ๆ มักจะได้รับรายงานมากเกินงามในบทความวารสาร และข้อมูลเกี่ยวข้องกันก็ได้เผยแพร่ในรายงานข่าว อย่างไรก็ตาม เขายังได้เตือนว่าข้อผิดพลาดนั้นมักพบได้บ่อยบนอินเทอร์เน็ต และว่านักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจะต้องตื่นตัวในการแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านี้[95]
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 บทความในหนังสือพิมพ์เดอะฮาร์วาร์ดคริมสัน รายงานว่าศาสตราจารย์บางคนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดใส่วิกิพีเดียเข้าไปในบทคัดย่อของตนด้วย แต่มีความไม่ลงรอยกันในความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้วิกิพีเดีย[96] เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 อดีตประธานสมาคมหอสมุดอเมริกัน ไมเคิล กอร์แมน ประณามวิกิพีเดีย เช่นเดียวกับกูเกิล[97] โดยกล่าวว่า นักวิชาการผู้สนับสนุนการใช้วิกิพีเดียนั้น "มีสติปัญญาเท่ากับนักโภชนาการที่แนะนำให้คนกินบิ๊กแม็คกับอาหารทุกรายการ อย่างต่อเนื่อง" เขากล่าวต่อว่า "รุ่นของคนมีปัญญาเฉื่อยชาผู้ไม่สามารถก้าวข้ามอินเทอร์เน็ตได้" กำลังถูกผลิตจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เขายังตำหนิว่าแหล่งข้อมูลที่เป็นเว็บนั้นทำให้นักเรียนนักศึกษาไม่ขวนขวาย ที่จะเรียนรู้จากข้อมูลที่สืบค้นได้ยากกว่าซึ่งมักพบเฉพาะในเอกสารตีพิมพ์ หรือเว็บไซต์ที่บอกรับเป็นสมาชิกเท่านั้น ในบทความเดียวกัน เจนนี ฟราย นักวิจัยแห่งสถาบันอินเทอร์เน็ตอ็อกซ์ฟอร์ด ให้ความเห็นเกี่ยวกับนักวิชาการซึ่งอ้างวิกิพีเดีย โดยกล่าวว่า
คุณไม่สามารถพูดได้ว่าเด็ก ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตนั้นเกียจคร้านในการใช้สมอง ในเมื่อนักวิชาการก็ใช้เสิร์ชเอนจินในงานวิจัยของตัวเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างก็คือพวกเขามีประสบการณ์มากกว่าในการวิเคราะห์ว่าข้อมูลที่ ได้รับมาคืออะไรและข้อมูลนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ เราต้องสอนเด็ก ๆ ให้ใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นและเหมาะสม[97] |
[แก้] เนื้อหาเกี่ยวกับเพศ
วิกิพีเดียถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการอนุญาตให้มีเนื้อหากราฟิกเกี่ยวกับเพศบนเว็บ อย่างเช่น ภาพและวิดีโอการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองและการหลั่งน้ำอสุจิ เช่นเดียวกับภาพถ่ายจากภาพยนตร์ลามกฮาร์ดคอร์ที่พบในบทความ นักรณรงค์คุ้มครองเด็กกล่าวว่าเนื้อหากราฟิกเกี่ยวกับเพศนั้นปรากฏอยู่ใน หลายหน้าของวิกิพีเดีย และแสดงโดยไม่มีการเตือนใด ๆ หรือการพิสูจน์อายุ[98]บทความวิกิพีเดีย เวอร์จินคิลเลอร์ อัลบั้มเพลงเมื่อปี พ.ศ. 2519 จากวงดนตรีเฮฟวีเมทัลสัญชาติเยอรมัน สกอร์เปียนส์ ซึ่งแสดงภาพของปกอัลบั้มดั้งเดิม ที่เป็นรูปเด็กก่อนวัยเจริญพันธุ์เปลือย ปกที่ออกมาเดิมนั้นทำให้เกิดการโต้เถียงกันและทำให้ปกอัลบั้มถูกเปลี่ยนใน หลายประเทศ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 การเข้าถึงบทความดังกล่าวในวิกิพีเดียถูกบล็อกเป็นเวลาสี่วันโดยผู้ให้ บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักร หลังได้รับรายงานจากสาธารณชนว่าเป็นภาพลามกเด็ก[99] มูลนิธิเฝ้าระวังอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นองค์การไม่แสวงหาผลกำไรและไม่อิงการเมือง วิจารณ์การแทรกรูปในเว็บว่า "น่ารังเกียจ"[100]
เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 แลร์รี แซงเจอร์ เขียนจดหมายถึงสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา โดยสรุปความกังวลของเขาว่าหมวดหมู่ภาพสองหมวดในวิกิมีเดียคอมมอนส์มีภาพลามกเด็ก และขัดต่อกฎหมายความลามกกลางสหรัฐ[101] ภายหลังแซงเจอร์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าภาพ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคใคร่เด็กและมีรูปหนึ่งเกี่ยวกับโลลิคอน ไม่ใช่เด็กจริง แต่ก็กล่าวว่ารูปเหล่านี้เป็น "การแสดงความลามกของการข่มเหงทางเพศของเด็ก" ภายใต้รัฐบัญญัติคุ้มครอง (PROTECT Act) พ.ศ. 2546[102] กฎหมายดังกล่าวห้ามภาพลามกเด็กและภาพการ์ตูนและภาพวาดของเด็กที่จัดว่าลามกอนาจารภายใต้กฎหมายสหรัฐ[102] แซงเจอร์ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงภาพเหล่านี้ในวิกิพีเดียจากโรงเรียน[103] วิกิพีเดียปฏิเสธคำกล่าวหาของแซงเจอร์อย่างแข็งขัน[104] โฆษกมูลนิธิวิกิมีเดีย เจย์ วัลสช์ กล่าวว่า วิกิพีเดียไม่มี "สื่อที่เราเห็นว่าผิดกฎหมาย หากเราพบ เราจะนำมันออก"[104] หลังจากการร้องเรียนของแซงเจอร์ เวลส์ได้ลบภาพเกี่ยวกับเพศโดยไม่ได้ปรึกษากับชุมชนวิกิพีเดียก่อน หลังจากผู้ร่วมแก้ไขบางคนอาสาที่จะดูแลเว็บแย้งว่าการตัดสินใจดังกล่าวกระทำ อย่างเร่งรีบเกินไป เวลส์จึงสละอำนาจบางส่วนที่มีจนถึงขณะนั้นเนื่องจากสถานะผู้ร่วมก่อตั้งของ เขา เขาเขียนข้อความถึงบัญชีจ่าหน้ามูลนิธิวิกิมีเดียว่า การกระทำดังกล่าว "เป็นประโยชน์ที่จะกระตุ้นการอภิปรายนี้ให้เกี่ยวกับประเด็นเนื้อหา/ปรัชญา อย่างแท้จริง มากกว่าเกี่ยวกับผมและว่าผมตอบโต้เร็วเพียงใด"[105]
[แก้] ความเป็นส่วนตัว
ความกังวลหนึ่งในกรณีของวิกิพีเดียนี้คือสิทธิของปัจเจกชนที่จะยังคงความเป็นส่วนตัว มากกว่าที่จะเป็น "บุคคลสาธารณะ" ในมุมมองของกฎหมาย[106] ซึ่งกรณีนี้ก็คล้ายกับการต่อสู้ระหว่างสิทธิที่จะไม่เปิดเผยตัวตนในไซเบอร์สเปซกับ สิทธิที่จะไม่เปิดเผยตัวตนในชีวิตจริง วิกิพีเดียว็อตช์โต้แย้งว่า "วิกิพีเดียอาจเป็นภัยคุกคามต่อทุกคนที่ให้ความสำคัญแก่ความเป็นส่วนตัว" และ "ระดับภาวะรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้นในโครงสร้างวิกิพีเดีย" จะเป็น "ขั้นแรกสู่การแก้ไขปัญหาความเป็นส่วนตัว"[107]ในปี พ.ศ. 2548 อะแจ็งเซอ ฟร็องเซ-แพร็ส ยกคำกล่าวของเดเนียล บรานต์ เจ้าของวิกิพีเดียว็อตช์ ซึ่งกล่าวว่า "ปัญหาพื้นฐานคือไม่มีผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นถึงผู้บริหารของมูลนิธิวิกิมีเดียก็ตาม และอาสาสมัครผู้เชื่อมโยงกับวิกิพีเดีย ถือว่าตนเองรับผิดชอบต่อเนื้อหา"[108]
เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2549 ศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ปิดวิกิพีเดียภาษาเยอรมันใน เยอรมนีเนื่องจากเว็บได้กล่าวถึงชื่อเต็มของบอริส ฟลอริซิก หรือ "ทรอน" แฮ็กเกอร์ที่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งอดีตเคยเข้ากับคาออสคอมพิวเตอร์คลับ ยิ่งไปกว่านั้น ศาลยังสั่งให้ยูอาร์แอลภายใต้โดเมน .de ของเยอรมนี (http://www.wikipedia.de/) ต้องไม่รีไดเร็กไปยังเซิร์ฟเวอร์ของสารานุกรมในรัฐฟลอริดาที่ http://de.wikipedia.org แม้ว่าผู้อ่านในเยอรมนีจะยังสามารถใช้ยูอาร์แอลที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้โดยตรงเช่นเดิม และไม่ได้ปิดกั้นผู้อ่านเหล่านั้นในการเข้าถึงวิกิพีเดียแต่อย่างใด คำสั่งศาลออกมาหลังจากคดีความซึ่งผู้ปกครองของทรอนฟ้องร้องโดยขอให้ศาลนำนาม สกุลของบุตรชายออกจากวิกิพีเดีย วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ได้มีการพิพากษาแก้ต่อวิกิมีเดียดอยทช์ลันด์ โดยศาลปฏิเสธสิทธิการคงความเป็นส่วนตัวของทรอนหรือการละเมิดสิทธิผู้ปกครอง ของเขา[109] โจทก์ได้อุทธรณ์ต่อศาลรัฐเบอร์ลิน แต่ศาลปฏิเสธไม่รับฟ้องเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549
[แก้] ประชาคม
ประชาคมวิกิพีเดียถูกอธิบายว่า "เหมือนกับลัทธิ"[110] ถึงแม้ว่าคำดังกล่าวจะไม่ได้มีความหมายโดยนัยในทางลบเพียงอย่างเดียวก็ตาม[111] และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มเหลวในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ไม่มี ประสบการณ์ เพราะถึงแม้ว่าผู้ใช้เหล่านี้จะได้รับการต้อนรับจากสมาชิก[112] แต่ผู้ใช้มือใหม่นั้นมักถูกบอกให้อ่านนโยบายด้วยตนเองเพื่อเรียนรู้แนวทางวิกิพีเดีย[46][แก้] โครงสร้างอำนาจ
ประชาคมวิกิพีเดียได้ทำให้เกิด "ระบอบสถาบันเชิงพฤตินัย" ขึ้น ซึ่งรวมไปถึง "โครงสร้างอำนาจอันเด่นชัดที่ทำให้ผู้ดูแลระบบอาสาสมัครมีอำนาจควบคุมการ แก้ไขเนื้อหา"[113][114][115] ผู้ใช้ที่มีชื่อเสียงดีในประชาคมสามารถเสนอชื่อเพื่อดำรงตำแหน่งในหน้าที่บริการหลายระดับ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ "ผู้ดูแลระบบ"[116] กลุ่มผู้ใช้ที่มีเอกสิทธิ์จากความสามารถในการลบหน้า ล็อกบทความจากการแก้ไขในกรณีการก่อกวนหรือมีข้อพิพาทในการเพิ่มเนื้อหา และบล็อกผู้ใช้จากการแก้ไข ถึงแม้จะได้ชื่อว่าผู้ดูแลระบบแต่พวกเขาไม่มีสิทธิพิเศษใด ๆ ในการตัดสินใจ โดยส่วนใหญ่แล้วมักมีบทบาทจำกัดเพียงการแก้ไขซึ่งส่งผลกระทบวงกว้างต่อทั้ง โครงการ ซึ่งผู้ใช้ธรรมดาจะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขในสิ่งเหล่านี้ รวมไปถึงการบล็อกผู้ใช้ที่ก่อปัญหา (อย่างเช่นการก่อกวน)[แก้] ผู้ร่วมแก้ไข
วิกิพีเดียไม่มีข้อกำหนดให้ผู้ใช้ต้องแสดงตัว[117] อย่างไรก็ตาม ขณะที่วิกิพีเดียเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยรูปแบบการสร้างสารานุกรมแบบใหม่ คำถามที่ว่า "ใครเขียนวิกิพีเดีย" จึงกลายมาเป็นหนึ่งในคำถามเกี่ยวกับโครงการที่ถูกถามบ่อยๆ และถูกเปรียบเทียบกับโครงการเว็บ 2.0 อื่น อย่างเช่น ดิกก์[118] จิมมี เวลส์ ตอบคำถามนี้เพียงว่า "ประชาคมแห่งหนึ่ง ... กลุ่มอาสาสมัครผู้อุทิศตัวไม่กี่ร้อยคน" เป็นผู้ร่วมพัฒนาวิกิพีเดียส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้ วิกิพีเดียจึง "ไม่ต่างอะไรกับองค์กรแบบเก่าทั่วไป" เวลส์ได้ศึกษาและพบว่ากว่า 50% ของการแก้ไขทั้งหมดเกิดขึ้นจากผู้ใช้เพียง 0.7 % (เวลานั้นมีอยู่ 524 คน) ต่อมาอารอน สวาร์ตซ์ได้โต้แย้งวิธีการประเมินการร่วมพัฒนาดังกล่าวโดยชี้ให้เห็นว่าหลาย บทความที่เขาสุ่มตัวอย่างขึ้นมานั้นมีเนื้อหาส่วนใหญ่ (คิดตามจำนวนตัวอักษร) เขียนขึ้นโดยผู้ใช้ที่มีจำนวนการแก้ไขรวมน้อย[119] การศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2550 โดยนักวิจัยจากวิทยาลัยดาร์ตมัธ ค้นพบว่า "ผู้ใช้วิกิพีเดียนิรนามและขาจร ... เป็นแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือพอ ๆ กับผู้ร่วมแก้ไขซึ่งลงทะเบียนกับเว็บ"[120] แม้ว่าผู้ใช้บางคนจะเป็นผู้รอบรู้ในศาสตร์ที่ตนเขียนก็ตาม แต่วิกิพีเดียมีข้อกำหนดให้พวกเขาต้องมีแหล่งข้อมูลตีพิมพ์และสามารถใช้ยืน ยันได้ประกอบการแก้ไขด้วย หากใช้มติเอกฉันท์เหนือแหล่งอ้างอิงจะถูกเรียกว่าเป็น "การต่อต้านอภิชนนิยม" (anti-elitism)[10]ปี พ.ศ. 2546 นักศึกษาปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ แอนเดรีย ซิฟโฟลิลลิ ทำการศึกษาวิกิพีเดียในฐานะชุมชนและให้เหตุผลว่า การมีต้นทุนในการเข้าร่วมกับซอฟต์แวร์วิกิที่ต่ำนั้นเป็นตัวเร่งให้เกิดการ พัฒนาแบบร่วมมือกัน และแนวทาง "การสรรสร้างอย่างสร้างสรรค์" นี้เองที่กระตุ้นให้เกิดการร่วมมือ[121] ในหนังสือ อนาคตของอินเทอร์เน็ตและจะหยุดมันได้อย่างไร (The Future of the Internet and How to Stop It) เมื่อปี พ.ศ. 2551 โจนาธาน ซิตเทรน แห่งสถาบันอินเทอร์เน็ตอ็อกซ์ฟอร์ดและศูนย์เพื่ออินเทอร์เน็ตและสังคมเบิร์ก แมนของวิทยาลัยกฎหมายฮาร์วาร์ด ได้ยกความสำเร็จของวิกิพีเดียเป็นกรณีศึกษาว่าการร่วมแก้ไขอย่างเปิดเผยนั้น ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมบนเว็บได้อย่างไร[122] การศึกษาในปีเดียวกันยังพบว่าผู้ใช้วิกิพีเดียมีความเปิดเผยและเป็นมิตรน้อย กว่า แม้จะมีความรอบคอบมากกว่าผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้วิกิพีเดีย[123][124] การศึกษาในปี พ.ศ. 2552 ยังแนะว่ามี "หลักฐานว่าชุมชนวิกิพีเดียต่อต้านเนื้อหาใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น"[125]
ในวาระที่วิกิพีเดียเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีการก่อตั้ง เดอะนิวยอร์กไทมส์ได้ ตีพิมพ์คอลัมน์เกี่ยวกับการสำรวจวิกิพีเดียในเวลานั้น โดยรายงานว่า การศึกษาร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยสหประชาชาติและมหาวิทยาลัยมาสตริกช์ พบว่าผู้ร่วมแก้ไขวิกิพีเดียเพียง 13% เท่านั้นที่เป็นหญิง อายุเฉลี่ยของผู้ร่วมแก้ไขอยู่ในช่วงกลาง 20-30 ปี และยังได้หมายเหตุด้วยว่า การสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้ร่วมแก้ไขน้อยกว่า 15% จากทั้งหมดหลายแสนคนนั้นเป็นหญิง ซู การ์ดเนอร์ ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิวิกิมีเดีย ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเห็นสัดส่วนผู้หญิงที่ร่วมแก้ไขเพิ่มขึ้นเป็น 25% ภายในปี พ.ศ. 2558[126]
[แก้] ปฏิสัมพันธ์
ผู้ใช้วิกิพีเดียมักมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้คนอื่นผ่านทางหน้า 'อภิปราย' ซึ่งเป็นหน้าแบบวิกิที่เชื่อมโยงกับบทความ เช่นเดียวกับหน้าพูดคุยของผู้ใช้แต่ละคนและหน้าพูดคุยอื่นๆ ที่ช่วยในการจัดการเว็บ ผู้ใช้อาศัยหน้าเหล่านี้เพื่อแสวงหาข้อยุติเกี่ยวกับเนื้อหาที่ควรมีของบท ความ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของเว็บ และดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาภายในประชาคม[แก้] การตระหนักถึงคุณค่า
บางครั้งชาววิกิพีเดียให้รางวัลชาววิกิพีเดียคนอื่นด้วยการมอบ "บาร์นสตาร์" (barnstar) สำหรับผลงานที่ดี สัญลักษณ์แสดงความชื่นชมเป็นการส่วนตัวเหล่านี้มอบแก่งานทรงคุณค่าจำนวนมาก มายนอกเหนือไปจากเพียงการแก้ไขอย่างง่ายๆ แต่รวมถึงการให้สนับสนุนแก่ชุมชน การทำหน้าที่ดูแลระบบ และการร่วมอภิปรายและออกเสียง นักวิจัยได้วิเคราะห์ปรากฏการณ์บาร์นสตาร์นี้เพื่อค้นหาว่ามันจะมีความ หมายอย่างไรในการทำให้ประชาคมอื่น ๆ เข้ามามีส่วนในความร่วมมืออย่างกว้างขวาง[127][แก้] ผู้ใช้ใหม่
60% ของผู้ใช้ลงทะเบียนทำการแก้ไขเพียงครั้งเดียวในรอบ 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่การแก้ไขครั้งแรก คำอธิบายที่เป็นไปได้คือ ผู้ใช้เหล่านี้ลงทะเบียนด้วยจุดประสงค์เดียว หรือรู้สึกกลัวจากประสบการณ์ที่ได้รับ[128] โกลด์แมน เขียนไว้ว่า การที่ผู้ใช้ไม่สามารถปฏิบัติตามวัฒนธรรมบางอย่างของวิกิพีเดีย เช่น ลงชื่อในหน้าอภิปราย เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าพวกเขาเป็นคนนอกวิกิพีเดีย ซึ่งทำให้คนในวิกิพีเดียเพ่งเล็งว่าการแก้ไขของผู้ใช้เหล่านี้เป็นภัยคุกคาม การเข้ามาเป็นคนในของวิกิพีเดียนั้นต้องเสียต้นทุนไม่น้อย ผู้ใช้จะถูกคาดหวังให้สร้างหน้าผู้ใช้ เรียนรู้โค้ดเทคโนโลยีเฉพาะของวิกิพีเดีย เสนอกระบวนการแก้ไขข้อพิพาท และเรียนรู้ "วัฒนธรรมที่อยู่ระหว่างเรื่องขำขันวงในและการอ้างอิงภายใน" จนผู้ใช้ไม่ล็อกอินอาจรู้สึกว่าตนเป็นพลเมืองชั้นสองในวิกิพีเดีย[129] เนื่องจาก "ผู้ร่วมแก้ไขได้รับความยอมรับนับถือจากสมาชิกชุมชนวิกิ ผู้สนใจต่อการรักษาคุณภาพของการสร้างผลงานโดยไม่เปลี่ยนแปลง บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของพวกเขา"[130] แต่จากประวัติการแก้ไขของหมายเลขไอพีทำให้ไม่มีความจำเป็นว่าจะต้องยกเครดิตให้ หรือประณามกล่าวโทษผู้ใช้คนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ[แก้] รุ่นภาษา
ปัจจุบันวิกิพีเดียมีทั้งหมด 281 ภาษา โดยในจำนวนนี้มีสามภาษาที่มีบทความมากกว่า 1 ล้านเรื่อง ได้แก่ วิกิพีเดียภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศส, 36 ภาษามีบทความมากกว่า 100,000 เรื่อง และ 99 ภาษา มีบทความมากกว่า 1,000 เรื่อง วิกิพีเดียภาษาอังกฤษเป็นวิกิพีเดียภาษาที่มีบทความมากที่สุด โดยมีมากกว่า 3.6 ล้านบทวาม ตามข้อมูลของอเล็กซา ซับโดเมนรุ่นภาษาอังกฤษนั้นมีสัดส่วนการเข้าชมคิดเป็นอย่างน้อย 54% ของวิกิพีเดียทุกภาษา โดยที่เหลือนั้นแบ่งเป็นวิกิพีเดียภาษาอื่น ๆ (ภาษาญี่ปุ่น 10%, ภาษาเยอรมัน 8% ภาษาสเปน 5% ฯลฯ)[1]เนื่องจากผู้ใช้ทั่วโลกร่วมกันสร้างวิกิพีเดียผ่านทางเว็บไซต์ ดังนั้น แม้แต่ในวิกิพีเดียภาษาเดียวกันจึงอาจเกิดปัญหาการใช้ภาษาถิ่นที่แตกต่างกัน โดยปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยปรากฏในวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ ตัวอย่างเช่น ความแตกต่างด้านตัวสะกดในภาษาถิ่นสำเนียงอังกฤษบริติชและอังกฤษอเมริกัน (ตัวอย่างเช่น colour และ color) รวมไปถึงเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นจากมุมมองที่ต่างกัน และถึงแม้ว่าวิกิพีเดียหลายภาษาจะยึดตามหลักนโยบายสากล อย่างเช่น "มุมมองเป็นกลาง" แต่ก็อาจยึดหลักแตกต่างกันในนโยบายและการปฏิบัติในบางข้อ ที่สำคัญคือ ภาพที่ไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตเสรีจะถูกใช้โดยอ้างว่าเป็นการใช้โดยชอบธรรมได้หรือไม่[131]
อย่างไรก็ตามแม้ว่าวิกิพีเดียในแต่ละภาษามีการบริหารไม่ขึ้นต่อกัน ทางมูลนิธิได้มีการตั้งเว็บไซต์เมต้าวิกิใช้ เป็นศูนย์กลางการประสานงานของวิกิพีเดียแต่ละภาษา เช่นการให้บริการข้อมูลด้านสถิติ แสดงรายชื่อบทความพื้นฐานที่วิกิพีเดียแต่ละรุ่นภาษาควรมี ซึ่งรายการดังกล่าวครอบคลุมเนื้อหาพื้นฐานแบ่งตามหัวเรื่อง อันประกอบด้วย ชีวประวัติ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อาหารและเครื่องดื่ม และคณิตศาสตร์ ส่วนที่เหลือนั้น มักปรากฏบ่อยครั้งว่าบทความที่เกี่ยวข้องกับรุ่นภาษาใดภาษาหนึ่งโดยเฉพาะจะ ไม่ปรากฏในวิกิพีเดียภาษาอื่น อาทิ บทความเกี่ยวกับเมืองเล็ก ๆ ในสหรัฐอเมริกาจะพบได้เฉพาะในวิกิพีเดียภาษาอังกฤษเท่านั้น เช่นเดียวกับองค์การบริหารส่วนตำบลในประเทศไทยที่จะพบในวิกิพีเดียภาษาไทย เท่านั้น
บทความแปลยังคิดเป็นสัดส่วนน้อยในวิกิพีเดียหลายรุ่นภาษา เนื่องจากไม่อนุญาตให้แปลบทความอัตโนมัติทั้งหมด ส่วนการเชื่อมโยงบทความในแต่ละภาษาเข้าด้วยกันผ่านทางลิงก์ที่เรียกว่า "อินเตอร์วิกิ" ซึ่งเป็นบทความที่มีในวิกิพีเดียมากกว่าหนึ่งรุ่นภาษาขึ้นไป
[แก้] การดำเนินการ
[แก้] มูลนิธิวิกิมีเดียและสาขาวิกิมีเดีย
วิกิพีเดียดำเนินการและได้รับสนับสนุนเงินทุนโดยมูลนิธิวิกิมีเดีย องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งยังได้ดำเนินการโครงการที่เกี่ยวข้องกับวิกิพีเดียอีกจำนวนหนึ่ง อาทิ วิกิพจนานุกรมและวิกิตำรา สาขาวิกิมีเดีย สมาคมผู้ใช้และผู้สนับสนุนโครงการวิกิมีเดียท้องถิ่น ยังได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนเงินทุนแก่โครงการอีกด้วย[แก้] ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
วิกิพีเดียทำงานด้วยแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์พิเศษที่มีชื่อว่า มีเดียวิกิ ที่เป็นลักษณะโอเพนซอร์ซและซอฟต์แวร์เสรีแบบพิเศษ ทำงานผ่านการบริหารเว็บไซต์ที่เรียกว่าวิกิ ตัวซอฟต์แวร์เขียนขึ้นด้วยภาษาพีเอชพีที่ทำงานร่วมกับฐานข้อมูลมายเอสคิวแอล[132] ตัวซอฟต์แวร์รวมคุณลักษณะด้านการเขียนโปรแกรมหลายอย่างเข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่น ภาษาแมโคร ตัวแปร และการรีไดเร็กยูอาร์แอล มีเดียวิกิอยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนูและใช้ในโครงการวิกิมีเดียทั้งหมด เช่นเดียวกับโครงการวิกิอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก ในช่วงแรก วิกิพีเดียทำงานด้วยซอฟต์แวร์ชื่อยูสม็อดวิกิที่เขียนขึ้นในภาษาเพิร์ล โดยคลิฟฟอร์ด อดัมส์ (ระยะที่ 1) ซึ่งเดิมต้องใช้คาเมลเคสใน การสร้างไฮเปอร์ลิงก์บทความ ส่วนลิงก์บทความที่เป็นวงเล็บคู่เข้ามาในภายหลัง จนกระทั่งเดือนมกราคม 2545 (ระยะที่ 2) วิกิพีเดียเปลี่ยนมาใช้เอนจินพีเอชพีวิกิร่วม กับฐานข้อมูลมายเอสคิวแอล ซึ่งซอฟต์แวร์นี้สร้างขึ้นเฉพาะสำหรับวิกิพีเดียโดยแมกนัส มันสเก ซอฟต์แวร์ระยะที่ 2 นี้ถูกดัดแปรบ่อยครั้งเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ต่อมาในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน (ระยะที่ 3) วิกิพีเดียได้เปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์มีเดียวิกิ ซึ่งเดิมเขียนขึ้นโดยลี แดเนียล คร็อกเกอร์ ส่วนขยายวิกิจำนวนมากถูกติดตั้ง[133] เพื่อเพิ่มระดับขีดความสามารถของซอฟต์แวร์มีเดียวิกิ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2548 ส่วนขยายลูซีนถูกเพิ่มเข้าไปในการค้นหาเดิมของมีเดียวิกิ[134][135] และวิกิพีเดียเปลี่ยนจากมายเอสคิวแอลเป็นลูซีนสำหรับการค้นหา ปัจจุบันวิกิพีเดียใช้ลูซีนเสิร์ช 2.1[136] ซึ่งเขียนขึ้นด้วยภาษาจาวา และดำเนินการบนลูซีนไลบรารี 2.3[137]วิกิพีเดียทำงานบนคลัสเตอร์เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอูบุนตู)[138][139] และเครื่องโอเพนโซลาริสจำนวนหนึ่งสำหรับระบบแฟ้มเซตตะไบต์ ในช่วงระยะแรกวิกิพีเดียเก็บข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์เดี่ยวจนกระทั่งได้มีการ ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเป็นสถาปัตยกรรมมัลติไทเออร์ และจนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 มีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ 300 แห่งในฟลอริดา และ 44 แห่งในอัมสเตอร์ดัม[140] โครงแบบนี้รวมไปถึงเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลหลักหนึ่งเครื่องที่ทำงานโดยใช้มาย เอสคิวแอล เซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลรองอีกหลายเครื่อง เว็บเซิร์ฟเวอร์ 21 เครื่องซึ่งทำงานบนอะแพชี เว็บเซิร์ฟเวอร์ และเซิร์ฟเวอร์สควิดแคชอีก 7 เครื่อง
วิกิพีเดียมีการเรียกใช้งานประมาณ 25,000 ถึง 60,000 หน้าต่อวินาที ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของแต่ละวัน[141] การเรียกใช้หน้านั้นจะถูกส่งไปยังชั้นฟรอนต์เอนด์ของเซิร์ฟเวอร์สควิดแคช[142] สถิติเพิ่มเติมนั้นจะสามารถเข้าถึงได้โดยขึ้นอยู่กับการติดตามเข้าถึงวิกิพิเดีย 3 เดือนที่เปิดเผยต่อสาธารณะ[143] การเรียกใช้งานที่ไม่สามารถดึงข้อมูลมาจากสควิดแคชได้ จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์โหลดสมดุลซึ่งทำงานบนซอฟต์แวร์ลีนุกซ์เวอชวลเซิร์ฟ เวอร์ ซึ่งจะส่งการเรียกใช้ต่อไปยังหนึ่งในเว็บเซิร์ฟเวอร์อะแพชีสำหรับหน้าที่ถูก แสดงจากฐานข้อมูล เว็บเซิร์ฟเวอร์จะส่งหน้าตามที่ถูกเรียกใช้นั้น แสดงหน้าสำหรับทุกรุ่นภาษาของวิกิพีเดีย และเพื่อเพิ่มความเร็วให้สูงขึ้น หน้าต่าง ๆ จะถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำแคชแบบกระจายจนกว่าจะใช้งานไม่ได้ ซึ่งทำให้หน้าที่กำลังแสดงนั้นถูกข้ามไปทั้งหมด เป็นการเข้าถึงหน้าที่สามารถเข้าถึงได้มากที่สุด คลัสเตอร์ขนาดใหญ่กว่าสองแห่งในเนเธอร์แลนด์และเกาหลี จัดการกับการเข้าชมวิกิพีเดียส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
[แก้] รุ่นโทรศัพท์เคลื่อนที่
เดิมสื่อกลางของวิกิพีเดียที่จะให้ผู้ใช้อ่านและแก้ไขเนื้อหานั้นจะต้องใช้เว็บเบราว์เซอร์มาตรฐานใด ๆ ผ่านการติดต่ออินเทอร์เน็ตตายตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันวิกิพีเดียสามารถเข้าถึงได้จากโมบายล์เว็บแล้วการเข้าถึงวิกิพีเดียจากมือถือสามารถกระทำได้นับตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2547 ผ่านไวร์เลสแอปพลิเคชันโพรโทคอล (WAP) ผ่านบริการวาพีเดีย เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 วิกิพีเดียภาษาอังกฤษได้เปิดตัว en.mobile.wikipedia.org เว็บไซต์อย่างเป็นทางการสำหรับอุปกรณ์ไร้สาย เมื่อปี พ.ศ. 2552 บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ[144] ที่ยูอาร์แอล en.m.wikipedia.org ซึ่งอำนวยความสะดวกแก่อุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ทันสมัยขึ้น อย่างเช่น ไอโฟน อุปกรณ์แอนดรอยด์ หรือปาล์มพรี นอกจากนี้ยังมีวิธีการอื่นอีกมากที่จะเข้าถึงวิกิพีเดียได้โดยโทรศัพท์ เคลื่อนที่ อุปกรณ์และแอปพลิเคชันหลายอย่างได้ปรับปรุงการแสดงผลเนื้อหาวิกิพีเดีย สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ขณะที่บางอย่างยังได้เพิ่มคุณลักษณะอื่นเข้าไปด้วย อย่างเช่น การใช้เมทาดาตาวิกิพีเดีย อย่างเช่น ภูมิสารสนเทศ[145][146]
[แก้] ผลกระทบ
[แก้] ความสำคัญทางวัฒนธรรม
นอกจากวิกิพีเดียจะมีจำนวนบทความเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว วิกิพีเดียยังได้รับสถานะเป็นเว็บไซต์อ้างอิงทั่วไปอย่างต่อเนื่องนับ ตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2544[147] ตามข้อมูลของอเล็กซาและคอมสกอร์ วิกิพีเดียเป็นหนึ่งในสิบเว็บไซต์ที่มีการเข้าชมมากที่สุดทั่วโลก[2][148] การเติบโตของวิกิพีเดียนั้นเป็นผลมาจากการปรากฏเป็นผลการค้นหาลำดับแรกในกูเกิล[149] ราว 50% ของการเยี่ยมชมวิกิพีเดียจากเสิร์ชเอนจินมาจากกูเกิล[150] และมีสัดส่วนค่อนข้างมากที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยทางวิชาการ[151] จำนวนผู้อ่านวิกิพีเดียทั่วโลกแตะระดับ 365 ล้านคนเมื่อปลายปี พ.ศ. 2552[3] โครงการอินเทอร์เน็ตพิวและอเมริกันไลฟ์พบว่าราวหนึ่งในสามของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหรัฐอเมริกาปรึกษาวิกิพีเดีย[152] เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 ประมาณการว่าวิกิพีเดียมีมูลค่าการตลาด 580 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หากปล่อยให้มีการโฆษณาบนเว็บ[153]เนื้อหาวิกิพีเดียยังได้ถูกใช้ในการศึกษาวิชาการ หนังสือ การประชุมและคดีความในศาล[154][155] เว็บไซต์ของรัฐสภาแคนาดาอ้างถึงบทความวิกิพีเดียเกี่ยวกับการแต่งงานของคู่ สมรสเพศเดียวกันในส่วน "ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง" ของรายการ "อ่านเพิ่มเติม" ในพระราชบัญญัติการสมรส[156] วิกิพีเดียถูกนำไปใช้เป็นแหล่งข้อมูลมากขึ้นโดยองค์กร อย่างเช่น ศาลกลางสหรัฐและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก[157] ถึงแม้ว่ามักจะใช้กับข้อมูลสนับสนุนมากกว่าข้อมูลในส่วนสำคัญก็ตาม[158] เนื้อหาที่ปรากฏในวิกิพีเดียยังถูกใช้เป็นแหล่งข้อมูลและมีการอ้างอิงในรายงานของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐบางฉบับอีกด้วย[159] เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 วารสารทางวิทยาศาสตร์ อาร์เอ็นเอไบโอโลจี ได้เริ่มส่วนใหม่เพื่ออธิบายรายละเอียดของครอบครัวโมเลกุลอาร์เอ็นเอ และกำหนดให้ผู้เขียนในส่วนนี้ส่งบทความฉบับร่างก่อนจะตีพิมพ์บนวิกิพีเดีย[160]
วิกิพีเดียยังได้ถูกใช้เป็นแหล่งข้อมูลในแวดวงวารสารศาสตร์ด้วย[161] โดยไม่ได้แสดงแหล่งที่มาบ่อยครั้ง และมีผู้สื่อข่าวหลายคนถูกปลดออกจากงานเนื่องจากโจรกรรมผลงานจากวิกิพีเดีย[162][163][164]
เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2550 นักการเมืองอิตาลี ฟรันโก กริลลินี ได้ตั้งกระทู้ถามในรัฐสภากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและกิจกรรม วัฒนธรรม ถึงความจำเป็นของเสรีภาพทางสถาปัตยกรรม เขาว่า การขาดเสรีภาพดังกล่าวบีบมิให้วิกิพีเดียแสดงภาพสิ่งก่อสร้างและผลงานศิลปะ อิตาลีสมัยใหม่ทั้งหมด และอ้างว่านี่เป็นการทำลายรายได้ที่มาจากการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง[165]
หนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ รายงานว่า วิกิพีเดียเป็นจุดรวมความสนใจในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2008[166] บทความของรอยเตอร์ชิ้นหนึ่งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 รายงานปรากฏการณ์ล่าสุดที่ว่าบทความวิกิพีเดียชี้ความโดดเด่นของบุคคลได้[167]
[แก้] รางวัล
วิกิพีเดียได้รับสองรางวัลใหญ่เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547[168] รางวัลแรกเป็นรางวัลโกลเดนนิกาสำหรับประชาคมดิจิตอลจากการประกวดปรีซ์อาร์ สอิเล็กโทรนิกา เป็นเงินรางวัลมูลค่า 10,000 ยูโร และได้รับเชิญให้เข้าร่วมเทศกาลพีเออีไซเบอร์อาร์ตสในออสเตรีย ปีเดียวกัน รางวัลที่สองเป็นรางวัลเว็บบีจากการตัดสินของคณะกรรมการในหมวดหมู่ "ประชาคม"[169] เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2550 วิกิพีเดียยังได้รับรางวัลอันดับแบรนด์สูงสุดอันดับที่สี่โดยผู้อ่าน brandchannel.com โดยได้รับผลโหวต 15% สำหรับคำถามที่ว่า "แบรนด์ใดมีผลกระทบต่อชีวิตของเรามากที่สุดในปี พ.ศ. 2549"[170] และในเดือนกันยายน พ.ศ. 2551 วิกิพีเดียได้รับรางวัล "งานเพื่อการให้ความรู้" ของควอดริกา[171][แก้] โครงการอื่น
มีสารานุกรมมัลติมีเดียเชิงโต้ตอบที่สาธารณะเป็นผู้เขียนเนื้อหาหลาย โครงการเกิดขึ้นก่อนหน้าวิกิพีเดียจะถูกก่อตั้งขึ้น สารานุกรมประเภทนี้โครงการแรกคือ โครงการดูมส์เดย์บีบีซี พ.ศ. 2529 ซึ่งรวบรวมข้อความและภาพถ่ายจากผู้ร่วมพัฒนามากกว่า 1 ล้านคนในสหราชอาณาจักร และครอบคลุมเนื้อหาประเภทภูมิศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร นี่เป็นสารานุกรมมัลติมีเดียเชิงโต้ตอบโครงการแรก และยังเป็นเอกสารมัลติมีเดียสำคัญชิ้นแรกที่เชื่อมโยงด้วยลิงก์ภายใน โดยบทความส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ผ่านแผนที่เชิงโต้ตอบในสหราชอาณาจักร อินเตอร์เฟซผู้ใช้และเนื้อหาโครงการดูมส์เดย์บางส่วนถูกลอกขึ้นสู่เว็บไซต์ จนถึงปี พ.ศ. 2551[172] หนึ่งในสารานุกรมออนไลน์ยุคเริ่มแรก ซึ่งเกิดขึ้นจากรวบรวมเนื้อหาที่สาธารณะเป็นผู้เขียนขึ้น ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด คือ h2g2 ที่ดักลาส อดัมส์เป็นผู้สร้างขึ้น และดำเนินงานโดยบีบีซี โครงการ h2g2 ค่อนข้างไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์มากนัก โดยเน้นบทความที่ให้ความรู้และข้อมูล ทั้งสองโครงการนี้มีความคล้ายคลึงกับวิกิพีเดีย แต่ยังไม่มีโครงการใดที่ให้โอกาสด้านการแก้ไขแก่ผู้ใช้สาธารณะอย่างเต็มที่ โครงการไม่ใช่วิกิที่คล้ายกัน โครงการกนูพีเดีย ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับนูพีเดียในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวถอนตัวออกไปและผู้สร้างโครงการ ริชาร์ด สตอลล์แมน ได้ให้ความช่วยเหลือแก่วิกิพีเดียแทน[18]มูลนิธิวิกิพีเดียยังได้จัดตั้งโครงการอื่นที่ใช้ซอฟต์แวร์เดียวกันนอก เหนือไปจากการจัดทำสารานุกรม โดยมีโครงการแรกสุดคือ "In Memoriam: September 11 Wiki" ที่เริ่มสร้างเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2545 รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 แต่ได้ปิดตัวลงเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 โครงการวิกิพจนานุกรมที่ยังคงใช้งานจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะจัดการข้อมูลในลักษณะพจนานุกรม เริ่มเปิดตัวเมื่อธันวาคม พ.ศ. 2545 ตามมาด้วยโครงการวิกิคำคม ที่เป็นการรวบรวมคำคมของบุคคลต่าง ๆ ถูกตั้งขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากวิกิมีเดียก่อตั้งขึ้น และวิกิตำรา แหล่งรวบรวมหนังสือเรียนเสรีและข้อความอธิบายประกอบที่ร่วมกันเขียนขึ้น หลังจากนั้น วิกิมีเดียได้เริ่มต้นโครงการอื่นอีกหลายโครงการ รวมทั้งวิกิวิทยาลัย โครงการสำหรับสร้างสื่อการเรียนรู้เสรีและการจัดหากิจกรรมการเรียนรู้ออ นไลน์ แต่ไม่มีโครงการพี่น้องอื่นใดจะมีความสำเร็จเทียบได้กับวิกิพีเดีย
วิกิพีเดียหลายภาษายังได้จัดให้มีโต๊ะบริการอ้างอิง ที่ซึ่งอาสาสมัครจะตอบคำถามของสาธารณชน ตามผลการศึกษาในวารสารเอกสารการวิจัย คุณภาพของโต๊ะบริการอ้างอิงของวิกิพีเดียสามารถเทียบได้กับโต๊ะบริการอ้าง อิงของห้องสมุดมาตรฐาน โดยมีความถูกต้องของข้อมูล 55%[173]
มีเว็บไซต์อื่นอีกหลายเว็บไซต์ที่มุ่งพัฒนาฐานความรู้แบบร่วมมือทั้งที่ ได้รับแรงบันดาลใจจากวิกิพีเดียหรือเป็นแรงบันดาลใจแก่วิกิพีเดีย โครงการสารานุกรมบางโครงการไม่มีกระบวนการตรวจทานเนื้อหาอย่างเป็นทางการ คล้ายกับวิกิพีเดีย ขณะที่บางโครงการใช้ระบบการทบทวนที่คล้ายกับสารานุกรมดั้งเดิม สารานุกรมออนไลน์ที่ทำงานบนวิกิ ซิติเซนเดียม เริ่มต้นจากผู้ร่วมก่อตั้งวิกิพีเดีย แลร์รี แซงเจอร์ ในความพยายามที่จะสร้างวิกิพีเดียที่ "เป็นมิตรต่อผู้เชี่ยวชาญ"[174][175][176] ตัวอย่างโครงการสารานุกรมออนไลน์อื่น เช่น ไป่ตู้ไป่เคอ หรือคลังปัญญาไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น